นี่พระนะ...ไม่ใช่แพะ


นี่พระนะ...ไม่ใช่แพะ

            ในช่วงที่ผ่านมามักจะได้ยินประโยคหนึ่งจากฝ่ายที่เร่งรัดจะให้จัดการกับ หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่ค่อนข้างจะเป็นกระแสในสังคมคือ “ หากไม่ผิดจะกลัวอะไร ก็เข้ามาสู้คดีสิ ” ฝ่ายทางศิษย์วัดซึ่งรู้ตื้นลึกหนาบาง และไม่ไว้วางใจกระบวนการยุติธรรมแล้วก็มีวาทะเด็ดเช่นกันว่า “ ในเมื่อไม่ผิดแล้วจะไปเข้ากระบวนการทำไม ” ก็เป็นเรื่องของการตอบโต้กันด้วยวาทะ ก็ว่ากันไป


            ในฐานะคนวัดคนหนึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ต้องการให้หลวงพ่อเข้าสู่กระบวนการ ผมมีเหตุผลแต่ยังหาตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ไม่ได้ ครั้นจะยกตัวอย่าง หลวงพ่ออาจ ก็นานไป พวกจะหาว่าเอาเรื่องเก่า ๆ มาอ้าง ในขณะที่คิด ๆ อยู่ ก็คงจะเป็นบุญทำให้มีการพาดหัวข่าวขึ้นจาก Sanook News ฉบับวันที่ ๒๖ มิ.ย. ๕๙ว่า
             
            ปล่อยตัวแพะหนุ่มติดคุกฟรี คดีข่มขืนเด็ก 8 ขวบที่ตรัง

         เนื้อข่าวโดยสรุปมีว่านายศรัณย์รัชต์ หรือ เฟิร์ส เป็นผู้ต้องหาคนแรกที่ถูกจับกุมในคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง พร้อมกับผสมยาเสพติดในน้ำอัดลมให้ดื่ม แต่ผลปรากฏว่าคดีดังกล่าวผู้ก่อเหตุตัวจริงกลายเป็นพ่อของเด็กหญิงที่เสียชีวิตเอง ล่าสุดนายศรัณย์รัชต์ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำแล้ว โดยทางญาติๆ รู้สึกสลดใจ ที่ผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกฟรีถึงหนึ่งเดือน
            ในฐานะที่เราเป็นเพียงผู้อ่านข่าว เราคงรู้สึกดีใจที่นายเฟิร์ส รอดพ้นจากการถูก คุมขัง บางท่านก็อาจจะสรรเสริญเจ้าหน้าที่นิดหน่อยว่า ทำไมไม่รอบคอบทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน
            แต่หากเราลองนึกว่าเราเป็นนายเฟิร์สหรือคนในครอบครัว เราจะมีความรู้สึกอย่างไร จากการนอนบ้านสบาย ๆ ต้องไปนอนในคุก ที่มีใครก็ไม่รู้อยู่ด้วย จากการมีอิสระไปไหนมาไหนได้ ต้องมาอยู่ในที่แคบ ๆ ต้องเจอภาวะกดดันสารพัด ส่วนพ่อแม่พี่น้องก็ต้องอับอาย ถูกสังคมมองว่าเป็นญาติคนขี้คุก นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของสิ่งที่เขาต้องเจอะเจอ


            ย้อนกลับมามองในฐานะของลูกศิษย์หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เขารู้ว่าหลวงพ่อของเขาเป็นอย่างไร ตลอดเวลาของการอยู่ในเพศสมณะของท่าน ๔๗ ปี ทุ่มเทสร้างวัดตั้งแต่ขุดดินก้อนแรก จนสร้างศาสนสถานเพื่อให้คนมาทำความดี สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ท่านทำเพื่อพระพุทธศาสนา ท่านไม่ได้ติดตัวเอาไปไหนเลย หากพวกลูกศิษย์ไม่เห็นความดีของท่าน เขาจะทิ้งชีวิตมาบวช มาอยู่วัดกันทำไม เพราะหากไปดูประวัติพระหรือเจ้าหน้าที่แต่ละรูป แต่ละคน ไม่ใช่สิ้นไร้ไม้ตอก แต่เพราะเห็นประโยชน์ของการเผยแผ่งานพระศาสนาจึงทิ้งบ้านช่องห้องหอกันมา หรือแม้แต่สาธุชนที่มาวัด เขาก็ไม่ใช่คนโง่ อย่างที่อีกฝ่ายมอง หากเขาโง่ เขาคงแยกแยะไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่ว เขาคงไม่สามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้
            ยิ่งในส่วนของหลวงพ่อแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางคนพูดแบบเอาง่ายเข้าว่า ว่าก็เข้าสู่กระบวนการไป หากถูกจับสึกก็มาบวชใหม่ได้ โถ! ช่างคิดไปได้ ชีวิตของพระมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะ การถูกจับสึกนี่เท่ากับโทษประหารชีวิตเลยทีเดียว สำหรับพระหากสึกแล้วมาบวชใหม่ ก็ต้องเริ่มนับพรรษาหนึ่งกันใหม่เลยนะ
            นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เหล่าศิษยานุศิษย์ไม่มีวันจะยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับครูบาอาจารย์ของเขาอย่างแน่นอน

เราขอยืนยัน




ขอขอบคุณภาพและข่าวจาก Sanook News
อนาคาริก
06/28/16

            
นี่พระนะ...ไม่ใช่แพะ นี่พระนะ...ไม่ใช่แพะ Reviewed by asabha072 on 6:22 AM Rating: 5

No comments:

Powered by Blogger.